มาใช้ DFS Channel กันเถอะ
อาทิตย์นี้เราได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจ Wi-Fi ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งนึง user แจ้งว่ามีปัญหา Wi-Fi ไม่เสถียร เร็วบ้าง ช้าบ้าง ไม่นิ่ง ฝากชีวิตไม่ได้ อันนี้เป็นอาการ classic ของปัญหา Channel Interference ซึ่งเราก็เจอจริงตอนที่เราตรวจวัดสัญญาณ
เคสนี้คือลคเลือกใช้แค่ UNII-1 / UNII-3 ซึ่งเป็น Non-DFS Channel ด้วยเหตุผลคือกลัวผลกระทบจาก Radar เลยไม่ใช้ช่อง DFS
เราได้รับ comment ประมาณนี้บ่อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเข้าใจผิด มองผลกระทบ DFS ยิ่งใหญ่กว่าความเป็นจริง เลยเลี่ยงที่จะไม่ใช้เลย แต่ปัญหาคือ 5GHz มีทั้งหมด 25 channels แต่ DFS กินไปแล้ว 16 channels หมายความว่าถ้าเราไม่ใช้ย่านนี้เราจะเหลือ channel ให้ใช้แค่ 9 ช่อง
อีกอย่างคือโรงเรียนนี้ใช้ Standard Channel Width ที่ 40MHz ซึ่งลดจำนวน Channel ลงไปเหลือแค่ 4 ช่อง คือแออัดน้อง ๆ 2.4GHz เลย
สรุปให้เห็นภาพคือ AP ประมาณ 90 ตัวรุมกันใช้ 4 Channel (5GHz) และต้องรองรับ client รวม ๆ กัน ประมาณ 600 devices ซึ่งมองยังไงก็แน่น
จริง ๆ แล้วการใช้ DFS Channel ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และอยากแนะนำให้ทุกท่านมาใช้ DFS Channel กัน โดยเฉพาะพื้นที่ ๆ มี AP/Client หนาแน่น
ก่อนอื่นขออธิบายหลักการทำงาน DFS (802.11h) ก่อน
- AP ที่ใช้ DFS Channel ทุกครั้งที่ boot จะต้องทำ CAC (Channel Availability Check) ซึ่งเป็นการ scan radar 1 นาที หรือ 10 นาทีแล้วแต่ channel ที่เลือกใช้
- เวลาที่ AP เจอ radar ตัว AP จะส่ง CSA (Channel Switch Announcement) ให้ client ระบุว่าจะย้ายไปช่องไหน
- ตาม 802.11h Standard AP จะต้องย้ายไปช่องใหม่ภายใน 10 วินาที (Channel Move Time)
- Client ที่รองรับ 802.11h จะรู้ว่า AP ย้ายไป channel ไหนจาก CSA ทำให้ไม่ต้อง scan channel หา BSSID ใหม่ ลดเวลาในการ reconnect5. AP จะไม่ย้ายกลับไปใช้ Channel เดิมอย่างน้อย 30 นาที (Non-occupancy Period)
เรื่องที่ทำให้คนกลัวคือ หลายคนเข้าใจผิดว่า radar มันยิงกวาดทั้งย่าน พอโดนทีมันร่วงทั้ง 16 channel แต่จริง ๆ แล้ว Radar ใช้ narrow-band หมายถึงถ้าโดนยิงก็โดนแค่ channel เดียว ส่วน channel อื่น ๆ ไม่มีผลกระทบ.และถ้าเราโดน radar แล้วโดนบังคับเปลี่ยนช่องจริง เราสามารถดูจาก event log เราก็รู้แล้ว่าควรเลี่ยง channel ไหน ถ้าเราใช้ controller เราก็แค่ exclude channel นั้นจาก channel list
แต่การใช้ DFS Channel ก็มีเรื่องชวนหงุดหงิดคือ AP จะไม่ประกาศ SSID ทันทีหลังจากที่ boot เพราะ AP ต้องทำ CAC แต่เวลาที่ใช้ในการ scan ขึ้นอยู่กับ channel ที่เราเลือกใช้ ซึ่งปกติใช้เวลาแค่ 1 นาทียกเว้นถ้าเราเลือกใช้ 5600MHz -> 5650MHz (Channel 120, 124, 128) ใช้เวลาถึง 10 นาที ในการเช็ค Radar ฉะนั้น ปกติผมจะเลี่ยง Ch 120,124,128 และถ้าทำ channel bonding ผมจะเว้น Ch 116 ด้วย
ท้ายสุดนี้ ถ้าเราใช้ช่อง DFS ไม่ได้จริง ๆ อย่างน้อยที่สุด ก็ควรเลือกใช้ 20MHz เพื่อให้มีจำนวน non-overlapping channel เยอะที่สุด