Secondary Coverage: พระรองที่ถูกมองข้าม
หนึ่งในองค์ประกอบของ Wi-Fi Design Best Practice ที่มักจะถูกมองข้ามคือ Secondary Coverage
แล้ว Secondary Coverage คืออะไร มีประโยชน์ยังไง เรามาดูกันครับ
ใน WLAN ทั่วไปจะติดตั้ง AP หลายตัวเพื่อให้บริการ Wi-Fi ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ และเนื่องจาก AP แต่ละตัวแผ่สัญญาณเป็นวงกว้าง ดังนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่จะได้รับสัญญาณจาก AP มากกว่า 1 ตัว ถ้าเราเลือกมาซักโซนหนึ่ง เก็บค่า RSSI จาก AP ทุกตัวแล้วเรียงจากมากไปน้อย Primary Coverage คือค่า RSSI ที่สูงที่สุด ซึ่งปกติแล้วจะมาจาก AP ที่อยู่ใกล้ที่สุด เป็นพระเอกที่ทุกคนให้ความสำคัญ ส่วน Secondary Coverage หรือ AP ที่มีค่า RSSI ที่สูงเป็นอันดับ 2 รองลงมา เป็นพระรองที่ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจ แต่จริงๆแล้ว พระรองนี่แหละที่ช่วยให้ WLAN เราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของ secondary coverage หลักๆแล้วมีอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกค่อนข้างชัดเจนคือ secondary จะทำหน้าที่เป็นตัว fail-over เช่นหาก AP หลักเกิดร่วงไป client ที่เกาะอยู่จะ re-associate กับ Secondary BSSID แทน และใช้งานได้ต่อ (อาจจะไม่ 100% แต่ปกติแล้ว client จะเลือกเกาะ BSSID ของ AP ที่มี RSSI สูงที่สุด) ดังนั้นถ้าเราดีไซน์ WLAN ให้มี secondary coverage เรามั่นใจได้ว่าทุกพื้นที่ยังสามารถใช้ Wi-Fi ได้ แม้ AP หลักของแต่ละโซนจะดับไป
ประโยชน์อีกข้อที่เราอาจจะนึกไม่ถึงแต่จริงๆแล้วเป็นหัวใจของการทำ secondary coverage คือช่วยเรื่อง Client Roaming ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะตรงรอยต่อระหว่าง AP
ในเทคโนโลยี Wi-Fi นั้น Client เป็นใหญ่ ถ้ามี BSSID/AP หลายตัว Client จะเป็นคนเลือกว่าจะเกาะ BSSID ตัวไหน ดังนั้น ระหว่างที่ client roam จากพื้นที่หนึ่งไปอีกที่นึง พอ RSSI เริ่มลดลง client จะเริ่มทำ active scanning เพื่อหา AP ตัวใหม่ ถ้าเรามี secondary coverage ดีๆ เราจะมี AP ที่สัญญาณดีอย่างน้อย 2 ตัวในทุกๆพื้นที่ให้ client เลือกใช้
คำถามต่อมาคือเราควรตั้งค่า Secondary Coverage ที่เท่าไหร่
Design requirement ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ primary coverage ที่ -65dBm แต่ยังไม่มีใครฟันธงค่า secondary ที่ตายตัว แต่เรื่องที่ต้องพิจารณาคือ secondary coverage ยิ่งสูงต้องใช้จำนวน AP ยิ่งเยอะ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว Wi-Fi กูรูที่ตปทหลายคนจะวาง Secondary Coverage ที่ -70dBm (SNR ประมาณ 20dB) ซึ่งผมปกติจะ design ที่ค่านี้เว้นแต่ทางลูกค้าจะมี requirement อื่น หรือประเมินดูแล้วเป็นพื้นที่สำคัญที่ Wi-Fi ล่มไม่ได้ ผมจะดัน secondary coverage ขึ้นมาที่ -67dBm