Wi-Fi 6 ต้องใช้ MultiGig Switch ไหม

“Wi-Fi 6 รองรับ data rate ได้ถึง 9.6Gbps นะครับ คุณลูกค้าต้องเปลี่ยนมาใช้ MultiGig Switch ไม่งั้น 100/1000 ที่ใช้อยู่จะเป็นคอขวด วิ่งไม่เกิน Gig ครับ”

มีใครเคยแนะนำท่านแบบนี้ไหมครับ เซลล์ท่านนั้นอาจจะพูดถูก แต่พูดไม่หมด เพราะด้วยลักษณะการทำงานของ Wi-Fi แล้ว แค่ทำ iperf ให้ได้เกิน 500Mbps ก็ยากแล้ว

จริงๆเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นที่ถกเถียงในกลุ่มคน IT ตั้งแต่สมัย Wi-Fi 5 เปิดตัวเพราะ 802.11ac เองก็สามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 6.9Gbps (AP & Client 8×8:8 160Mhz) แต่เรื่องนี้ก็เงียบไปเพราะ AP uplink port ยังเป็น 100/1000 แต่พอ Wi-Fi 6 เริ่มจะติดตลาด ทางแบรนด์ใหญ่ๆก็พร้อมใจกันเข็น AP รุ่นใหม่ๆที่มาพร้อม 2.5Gbps uplink ทำให้ MGig Switch กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง

ฝั่งของคนขายอยากจะ bundle switch ใหม่พร้อม AP เป็น total solution แต่ทางลูกค้าเองอาจจะยังไม่พร้อมเปลี่ยน switch เพราะมองว่า 100/1000 ยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนมันจะเสียของหรือเปล่า

แต่ใช่ว่าเปลี่ยน switch แล้ว Wi-Fi จะวิ่ง 2.5Gbps นะครับ เหตุผลที่อาจจะทำให้ไม่เห็นความแตกต่างหลักๆมีสองข้อครับ

  1. อุปกรณ์ที่ใช้ Wi-Fi 6 ณ วันนี้ยังใช้กันไม่มาก WLAN ส่วนใหญ่จะมี client ของหลายๆ Gen ปนๆกันไป ดังนั้นโอกาสที่เราจะดึงความเร็วสูงสุดของ Wi-Fi 6 แทบจะเป็นไปไม่ได้
    ตัว Wi-Fi 6 เองจะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพต่อเมื่อไม่มี non-Wi-Fi 6 client ใน BSS แต่ด้วยข้อบังคับที่ Wi-Fi ทุก gen จำเป็นต้องรองรับเทคโนโลยีรุ่นพี่อย่าง b/g/n/ac ส่งผลให้ข้อได้เปรียบของ Wi-Fi 6 ก็ถูกลดทอนไปเพราะ AP ยังคงต้องใช้ protocol เก่าอยู่ด้วย
  2. Wi-Fi เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ RF ซึ่งเป็น shared medium ฉะนั้นจำนวนอุปกรณ์ที่อยู่ใน WLAN ส่งผลโดยตรงกับความเร็ว ยิ่งมี Client เยอะ contention ก็ยิ่งสูง แย่งกันใช้ airtime ดังนั้นคอขวดจะอยู่ในฝั่ง client ไม่ใช่ uplink ฉะนั้นแม้ว่า Client ทั้งหมดเป็น Wi-Fi 6 (Greenfield) โดยลักษณะการทำงานของเทคโนโลยีแล้ว โอกาสที่จะดึง Aggregated Throughput ให้เกิน 1Gbps ยังน้อยมาก

แต่ถ้าอยากดึงประสิทธิภาพสูงสุด ต้องใช้อุปกรณ์ขั้นต่ำและเงื่อนไขประมาณนี้ครับ (อันนี้ยังไม่ได้ทดลอง แต่อ้างอิงจาก MCS Index ของ 802.11ac บนสมมติฐาน overhead ที่ 40%)

Wi-Fi 6 AP 3×3:3 เปิดที่ 80MHz (996 RU) + Client ax 3 เสา (ไม่รู้จะไปหาที่ไหน) + ไม่มี Client ตัวอื่นๆใน channel มาแย่ง airtime + ไม่มี interference รบกวน + AP กับ Client ต้องอยู่ห่างกันไม่เกิน 1.5 เมตร โดยได้ค่า RSSI ไม่ต่ำกว่า -51dBm และ SNR ไม่ต่ำกว่า 37db คือต้องอยู่ใน Lab เลยครับ และถ้าทำได้ เราควรจะได้ max data rate ที่ 1.8Gbps หรือ iperf ประมาณ 1.2Gbps ซึ่งในกรณีนี้คอขวดจะย้ายมาอยู่ที่ 1Gbps port แทน

ผมมองว่าเราอาจจะต้องเลือกใช้ switch MGig เมื่อ AP เรารองรับ Tri-bands หรือปล่อยสัญญาณได้พร้อมๆกัน 3 คลื่น เช่นในกรณี Wi-Fi 6E ซึ่งถ้าเอา data rate ของทั้ง 3 คลื่นมารวมกันแล้วเกิน 1Gbps

อีกเหตุผลที่เราอาจจะต้องอัพเกรด switch ระหว่างติดตั้ง Wi-Fi 6 คือเรื่องไฟ PoE ตัวเก่าไม่เพียงพอ เพราะ Wi-Fi 6 กินไฟมากกว่า gen ก่อนๆพอสมควรโดยเฉพาะรุ่นที่มีเสาหลายต้นอย่าง 4×4 ซึ่งในกรณีนั้น ถ้าเราจะต้องเปลี่ยน switch อยู่แล้ว ก็ลงทุนกับ MGig ใช้ไปยาวๆเลยครับ

Subscribe to Wi-Fi Resource Center by SIAM Wireless

เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารและบทความใหม่ๆ มาติดตามกันนะครับ
[email protected]
Subscribe